ชีพจรลง South พังงา 

มหัศจรรย์ ดินแดนแร่หมื่นล้าน ตอนที่ 2

จากตอนที่แล้วเมื่อเรามา “ชีพจรลง South” เยือน “ดินแดนแร่หมื่นล้าน” ชมความสวยงามของธรรมชาติอ่าวพังงา บน “จุดชมวิวเสม็ดนางชี” รับประทานอาหารมื้อพิเศษบนเรือ ณ “บ้านหินร่ม” ในตอนนี้หากจะให้พูดถึงทะเลของเมืองไทย บ้างก็ชอบฝั่ง “อ่าวไทย” บ้างก็ชอบ “ฝั่งอันดามัน” หากแต่เสน่ห์ของทะเลทั้งสองฝั่งแตกต่างกัน หากพร้อมแล้วออกทะเลไปสัมผัสความสวยงามของทะเลพังงาพร้อมกันเลยครับ

เช้าวันนี้เราออกเดินทางจากที่พักบริเวณ “เขาหลัก” มุ่งหน้าขึ้นเหนือสู่ อ.คุระบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ระยะเวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ เพื่อไปยังจุดขึ้นเรือ ใกล้กับที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ก่อนที่จะลงเรือเราต้องมาศึกษาแต่ละจุดที่จะต้องเดินทางไปในวันนี้ก่อน โดย พี่ “มูฮำหมัด ฟาเรต” จาก กรีนวิวทัวร์ รับหน้าที่ต้อนรับและอธิบายข้อมูลเบื้องต้นก่อนที่จะออกเดินทาง พอเราเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ เรียบร้อยจึงขึ้นเรือ เนื่องด้วยเราเล็งเห็นเรื่องความปลอดภัยในการเดินทาง “เสื้อชูชีพ” เป็นสิ่งสำคัญมาก

เริ่มทะยอยกันลงเรือGPS สำหรับใช้การเดินเรือจากจุดขึ้นเรือเรานั่งสปีด โบ๊ท มุ่งหน้าไปยังเกาะพระทองใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที บนเกาะพระทองหลังจากที่โดนสึนามิยังคงมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะโดยแยกออกเป็น 3 หมู่บ้าน หมู่บ้านปากจกตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ทางทิศใต้เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านทุ่งด่าน และหมู่บ้านท่าแป๊ะโย้ย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก ซึ่งคนส่วนใหญ่ย้ายไปอยู่ทางแผ่นดินใหญ่เกือบหมดแล้ว เราจะขึ้นฝั่งที่หมู่บ้านนี้ พร้อมกับย้ายไปขึ้นรถกระบะของทางชาวบ้านซึ่งทั้งเกาะมีแค่ 3 คันจุดหมายแรกของเราวันนี้คือ “ป่าต้นเสม็ดขาว” พอมาถึงสิ่งที่สังเกตเห็น เปลือกสีขาวของต้นเสม็ดขาวเป็นลักษณะเฉพาะตัวบวกกับลวดลายของกิ่งไม้ที่เป็นเอกลักษณ์สลับกับความเขียวของหญ้าทำให้ดูแล้วเพลินตา ในขณะที่เรากำลังเพลินกับการถ่ายรูป คุณลุงที่นำทางเราก็พูดขึ้นมาว่า “เคยเห็นบ้านมดกันไหม” ในความคิดแรกก็น่าจะเป็น รังมด หรือ รูทางเดินมด คุณลุงปีนขึ้นต้นไม้และชี้ไปที่ “บ้านมด” ให้ดู ซึ่ง “บ้านมด” นั้นคือต้นไม้ท้องถิ่นที่ชาวบ้านที่นี่เรียกกัน เป็นไม้ผลชนิดหนึ่งที่ให้มดเข้าไปอยู่อาศัยได้ แลกกับการที่ได้ดูดซึมสารอาหารจากมูลมด หากไม่มีมดเข้าไปอาศัย “บ้านมด” ก็จะตายไปในที่สุด นั่นทำให้เข้าใจในเรื่องการพึ่งพาอาศัยของธรรมชาติมากขึ้น

“โกฐพุงปลา” หรือ “บ้านมด” ที่ชาวบ้านเรียกกัน

หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าไปยัง “ทุ่งสะวันนา” แห่งเกาะพระทอง มีเนื้อที่ครอบคลุมประมาณพันกว่าไร่ หากได้มาช่วงเดือน มีนาคม – เมษายน ทุ่งแห่งนี้จะถูกปกคลุมด้วยสีส้มทองเต็มพื้นที่สวยงามมากเลยทีเดียว

พอทุกคนได้ถ่ายรูปเก็บภาพประทับใจกันอย่างเต็มที่ก็ได้เดินทางไปยัง “มอร์แกน อีโค่ รีสอร์ท” เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน พอมาถึงรีสอร์ทสิ่งแรกที่ได้สัมผัสคือ ความเอาใจใส่กับสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับการลดใช้พลังงาน อาทิ ไฟฟ้าในรีสอร์ทมาจากแผงโซลาเซลล์รวมถึงในห้องพักก็จะมีแผงโซลาเซลล์ส่วนตัวด้วย นอกจากนี้ ทางรีสอร์ทมีแนวคิดจะหัก 2% จากยอดจองเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็ก ๆ ชาวมอร์แกนบนเกาะพระทองอีกด้วย ส่วนใครที่สนใจอยากจะมาพักที่นี่อย่าลืมเช็คช่วงเวลาด้วยนะครับเพราะที่นี่จะปิดบริการในช่วงมรสุมเดือน พฤษภาคม – ตุลาคม ของทุกปี

พออิ่มกันแล้ว เราก็ลา มอร์แกน อีโค่ รีสอร์ท เพื่อที่จะไปทำกิจกรรมดำน้ำตื้น ณ เกาะไข่ ซึ่งที่นี่จะสามารถดำน้ำดู “กัลปังหา 5 สี” ใช้เวลาอยู่ตรงนี้ประมาณ 50 นาที ด้วยคลื่นแรงเราให้พวกเราหมดแรงกันไปตาม ๆ กัน หลังจากนั้นเราก็ขึ้นเรือเดินทางกลับเข้าฝั่งเพื่อเข้าที่พัก

ทริป 3 วัน 2 คืน ของ Ride Explorer ยังไม่จบนะครับ อย่าลืมติดตามอ่านต่อตอนสุดท้าย ได้ใน www.ride-explorer.com หากใครสนใจที่อยากมาเปิดประสบการณ์แบบนี้ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพังงาได้ที่ 076 481 900 – 2 ได้เลยครับ

#RideExplorer #ชีพจรลงSouth#amazingไทยเท่ #GoLocal #Phangnga

Loading Facebook Comments ...

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here