จุดเปลี่ยน! คนไม่มีใจรักจักรยาน

จาก ศูนย์สู่เป้าหมาย

แข่งแพ้ แต่ใจไม่แพ้ 

สำหรับผม…แรงบันดาลใจ สำคัญ   นุ ธนกฤต สุทธิวัฒนา  แห่ง 39 Bike

  จุดเปลี่ยน! นุ ธนกฤต สุทธิวัฒนา  จาก คนไม่มีใจรักด้านจักรยานสู่สนามการแข่งขัน และเจ้าของธุรกิจ ร้านจักรยาน เพียงวัย 38 ปี  พลิกความคิดจากการเริ่มสู่การแข่งขันจักรยาน FixedGear  มาสู่วงจรคนรักจักรยานแบบถอนตัวไม่ขึ้น

เริ่มมีแรงบันดาลใจในการปั่นจักรยานแข่งขัน เมื่อไหร่

“ตอนนั้นเป็นการปั่นแข่งไครธีเรียม พอแข่งแล้วแพ้ ผมจึงเกิดแรงฮึด เรียกว่า แข่งแพ้แต่ใจไม่แพ้ ทำให้เกิดแรงจูงใจในการเริ่มฝึกฝน รวมถึงการดูแลตัวเองมากขึ้น จักรยานเริ่มทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ปลุกตัวเองขึ้นมาจากคนที่เคยดื่มเหล้า สูบบุหรี่ มาเอาชนะใจตัวเอง จนมาถึงตอนนี้ ผมจะมุ่งมั่นในทุกๆ เรื่อง ถ้าจะทำ ต้องทำให้ดีที่สุด”

 จุดสตาร์ท กับวงการจักรยาน

เริ่มจากการขี่จักรยานเล่นๆ สนุกๆ กับกลุ่ม จากกลุ่มเล็กๆ แถวอ่อนนุช จนมาถึงปัจจุบันกับการก้าวเกินฝันในเรื่องการหันหน้าสู่วงการแข่งขันอย่างจริงจัง สำหรับผม แรงบันดาลใจจากจุดเริ่มต้น จากการปั่นจักรยาน FixedGear กับกลุ่มจอยแอนด์แจม ที่นัดปั่นในช่วงนั้น จะนัดกันทุกวันที่ห้างแถวปากซอยอ่อนนุช แต่ด้วยความที่ชอบลองผิดลองถูก ก็มาปั่นจักรยาน Fixed Trick  ปรากฏว่าชอบ เรื่องการเล่นท่าทาง และได้การจุดประกายจากคุณอา ที่ทำร้านจักรยานวิทย์จักรยาน อยู่ตรงคลองตัน ตอนนั้นน่าจะเป็นช่วงปี 2549 ด้วยเริ่มเบื่องานประจำ ได้พูดคุยกับคุณอา ในตอนนั้นลองผิดลองถูกมากว่า ตอนนั้นก็เลยมาเปิดร้านจักรยานชื่อ Onnut 39 Bike (ปากซอย อ่อนนุช 39) แบบไม่ได้คิดว่าอยากทำ หรือรักจักรยานอะไรเลย แต่ด้วยความที่ปั่นจักรยาน และอามีร้านจักรยาน จึงเริ่มพัฒนามาเรื่อยๆ จนมารักจักรยาน 100% เหมือนตอนนี้

ถ้าพูดถึง ปั่นจักรยานจริงๆ จังๆ ครั้งแรก โดยการใช้เสือภูเขา (Mountain Bike) จากทริป 100 กิโลเมตร จากการเชิญชวนของลูกค้าของร้าน 39 Bike ชวนไปปั่นจากร้านไป คลองสวนร้อยปี จ. ฉะเชิงเทรา ไม่น่าเชื่อว่าทริปแรกตัวเองจะปั่นจักรยาน ได้แบบนั้น มันสุดมาก

จุดเปลี่ยนสู่สนามนักแข่ง

จนจุดเปลี่ยนอีกครั้ง จากการเริ่มเข้าแข่งขันจักรยาน FixedGear ตอนนั้นเป็นการปั่นแข่งไครธีเรียม พอแข่งแล้วแพ้ ผมจึงเกิดแรงฮึด เรียกว่า แข่งแพ้แต่ใจไม่แพ้ ทำให้เกิดแรงจูงใจในการเริ่มฝึกฝน รวมถึงการดูแลตัวเองมากขึ้น จักรยานเริ่มทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ปลุกตัวเองขึ้นมาจากคนที่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่จริงจัง  จนเลิกเด็ดขาด หันมาเอาชนะใจตัวเอง

จากศูนย์สู่เป้าหมาย สุขภาพดีขึ้น มุ่งมั่นและตั้งใจ เริ่มสมัครแข่งขันจักรยาน FixedGear ในงานต่างมากๆ มากขึ้น ซ้อมจนตัวเองรู้สึกมาถูกทาง รอยต่อระหว่างการแข่งขันจาก FixedGear มาสู่สนาม Roadbike ตอนนั้นคือการเริ่มเอาเสือหมอบมาขายที่ร้าน Onnut 39 Bike เป้าหมายคือการเอาชนะใจตัวเอง และจริตในการปั่นจักรยานของตัว ผมชอบจักรยานทุกประเภท เห็นผมอย่างนี้ ผมไม่ได้ชอบเฉพาะจักรยานเสือหมอบ ผมยังรัก FixedGear ในยามที่พบไม่อยากเร่งรีบ อย่างปั่นไปชิลล์กับเพื่อน ผมก็คว้า FixedGear คันโปรดของผม ไปหาเพื่อน ไปกินกาแฟ ถ้าเราชอบขี่จักรยาน ไม่ว่าขี่จักรยานประเภทไหน อยู่ที่ว่า ณ ตรงนั้น อารมณ์เราอยู่ตรงไหน อยากขี่ หรืออยากปั่นกับใคร ไม่ยึดติด ปัจจุบันไม่ได้ขาย FixedGear จริงจังแล้ว แต่ก็ยังคงหลงเสน่ห์ตรงนั้นอยู่

เป้าหมายในธุรกิจจักรยาน

เป้าหมายธุรกิจ  เราสามารถพัฒนาตัวเองมาได้ จากที่ไม่เคยรักจักรยานเลย มาสู่ความชอบจักรยานแบบไม่รู้ตัวไม่ได้ปล่อยตัวเองให้อยู่ที่เดิม รวมถึงรักที่จะเรียนรู้ ไม่อยู่นิ่ง จักรยานไฮเอน ผมก็ซ่อมได้ ภูมิใจตัวเอง ไม่ได้ยึดติดกระแส ไม่ฝังตัวเองให้อยู่กับที่ ไม่พัฒนา คนเราต้องเดินไปข้างหน้าตามเวลา น้ำเชี่ยวไม่เอาเรือไปขวาง เข้าใจธรรมชาติของมัน เพราะหากเราทำด้วยความรัก มันจะอยู่กับเราได้นาน ผมเชื่อว่าธุรกิจใดๆ ก็ตามเราอยู่กับมันได้ ยิ่งถ้าชอบ และสนุกไปกับมัน ยั่งยืนแน่นอนครับ ผมสังเกตหากหลายคนทำเพราะไม่ได้ชอบ และไม่ได้มีพื้นฐานเวลากับมัน ทำเพราะตามกระแส จะไม่มี Passion ในสิ่งนั้น สิ่งสำคัญคือ “หาตัวเองให้เจอ ว่าเราจะยืนอยู่ในจุดไหน” ผมเชื่ออย่างหนึ่ง ในมุมธุรกิจแบบยั่งยืน เราต้องเคารพคู่ธุรกิจ และต่อยอดธุรกิจได้ ด้วยความจริงใจ จะอยู่ได้นาน  

“คิดธุรกิจแบบยั่งยืน เคารพคู่ธุรกิจ และต่อยอดธุรกิจได้ นี่คือ หัวใจสำคัญ”

ในความคิดเห็นกับวงการจักรยาน

ตอนนี้กำลังไปได้ดี สำหรับคนที่มองจักรยานบนพื้นฐานความยั่งยืน ผมว่าสัญญาณตอนนี้ จะ

กลั่นกรองคนที่ใช่ กับคนที่ทำตามกระแส ตอนนี้เชื่อว่าไปในทิศทางที่ดี ได้พบปะคนที่ชอบจักรยานมากขึ้น ย้ำคนที่ชอบจักรยานนะครับ อย่างตัวผมเอง เป้าหมายของผมคือการพัฒนาตัวเองไปอีกระดับ เรียนรู้วงการจักรยานจากผู้รู้และผู้ใหญ่ ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ค่อยๆ เดินไปด้วยความมั่นคง ยั่งยืน ถึงแม้สภาวะเศรษฐกิจ อาจจะยังไม่นิ่งนัก แต่ผมเชื่อว่าจะมีความเหมาะสมในเวลาของมันตามวัฎจักร

 

กับความคาดหวังและการทำทีมจักรยานแข่งขัน 

สำหรับการทำทีมแข่ง ผมกลับมามอง ไม่น่าเชื่อที่ผมมาไกลกว่าจุดเริ่มต้นมาก แต่ก็คือความสุขครับ หลังจากที่ผมได้ทุ่มเทกับการแข่งขันของตัวเองแล้ว วันหนึ่งผมก็ชักชวนน้องๆ ทีมราชบุรี (ผมเป็นคนราชบุรี) ตั้งชื่อทีมว่า JLR กาญจนบุรี คลาสสิก ได้ที่ 3 ดีใจมาก ไม่เคยคิดว่าจะสำเร็จในระดับมือสมัครเล่น เริ่มมองหา Sponsor จากอุดมการณ์เดียวกัน เลยได้ Lenso มาเป็น Sponsor เปลี่ยนเป็นทีม JLR by Lenso จนเป็นชื่อ Lenso

กฎการอยู่ร่วมกัน คือ ทำในสิ่งที่รักด้วยกันแล้วมีความสุข 2 ปี ผ่านมา ทางเจ้าของทีม Lenso เขาดูแลอย่างดี จนก้าวสู่ระดับการแข่งขันระดับประเทศ เริ่มจากงานเล็กๆ จนถึงงานระดับประเทศ เป็นสิ่งที่ทำด้วยความรัก และอยู่กับปัจจุบัน

อยากให้สรุปความเป็นตัวตนของ นุ ธนกฤต สุทธิวัฒนา 

ถ้าผมเริ่ม ผมก็อยากให้มองแล้วทำให้ดีที่สุด ไม่อยากให้ล้มเหลว แต่หากต้องล้มก็ถือว่าเป็นเป็นบทเรียน ในการพัฒนาในครั้งต่อไป แต่จะไม่เสียเวลาพลาดเป้าแบบเดิมๆ อีกแน่นอน

แบบทดสอบชีวิต วงการจักรยาน ในปัจจุบัน สิ่งที่ต้องยึดถือคือ ขอให้ทุกคนมีวินัย และมี Spirit อยากให้ทุกคนมีความรักกับมัน  เมื่อทุกคนรักที่จะขี่จักรยาน ให้มันออกมาจากข้างใน และมองว่า นี่คือสังคมจักรยาน ที่มีมิตรภาพ เป็นสำคัญครับ

 “ผมเชื่อวงการจักรยานจะเติบโตได้ มิตรภาพระหว่างคนจักรยานต้องรักและก้าวไปด้วยกัน”

 

 

Loading Facebook Comments ...

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here