จากคนเบื้องหลัง สู่เบื้องหน้า

“ไมค์” พลภัทร เวลส์ช 

ฝันอย่าให้มันเป็นแค่ฝัน ต้องทำมันให้เป็นความจริง สู่ตัวตน Mike Life  (ตอนที่ 1)

 

เคยรู้หรือไม่ ว่าผู้ชายคนนี้ ไมค์ พลภัทร เวลส์ช  คือ คนเบื้องหลัง ครีเอทีฟ –  โปรดิวซ์รายการ ดังๆ อย่าง มาตามนัด  มิวสิคเกม ดาราจำเป็น เรื่องจริงที่เหลือเชื่อ และบทบาท ผู้ช่วยผู้กำกับการแสดง ละอองดาว ริษยา เหตุเกิดที่สน. ปากกาทอง  คนเบื้องหลังของเกมโชว์ และละครหลายเรื่อง ก่อนก้าวกระโดดสู่วงการบันเทิง  20 กว่าปี ที่ไม่ธรรมดา ล่าสุดเขาตอบโจทย์ชีวิต สไตล์ Mike Life กับความสุขที่เลือกเอง

 จุดเริ่มต้นจากความรัก สองล้อ อย่างไร?

ไมค์ พลภัทร เวลส์ช “รักในการขี่มอเตอร์ไซค์ รักในการขี่จักรยาน จากความชอบ จนเพื่อนๆ หลายๆ คนชอบ และมองว่าเป็นแรงบันดาลใจ ความสุขที่เกิดจากชอบและไม่ทำให้ใครเดือดร้อน คุณแม่เคยบอกสอนไว้ ‘อย่าทำให้ตัวเองและคนรอบข้างเดือดร้อน’

เริ่มต้นจากจักรยาน ผมว่าผู้ชายทุกคนส่วนใหญ่ชอบความเร็ว และความเร็วที่สามารถสัมผัสได้มากกว่าการวิ่ง คือ จักรยาน อายุ 12 ปี พี่ชายคนที่ 2 ชวนซ้อนจักรยาน ซึ่งตอนนั้นเค้าเป็น ไอดอล สำหรับเราเลยหละ ความรู้สึกคือ ลมปะทะหน้า เพลิน ภาพระหว่างทางสวย  เลยมีเป้าหมายในการเก็บเงิน เพื่อจักรยาน คันแรกในราคา 700 บาท ล้อขอบ 16  แม่เห็นว่าเราชอบและ จริงจัง เลยช่วยออกครึ่งนึง วันแรกเอาไปนอนด้วย บ้านอยู่พรานนก แถวกรมอู่ทหารเรือ ปั่นจากบ้านไปสนามหลวง คนเดียว เพราะเคยไปเช่าจักรยานที่นี่นั่น แล้วก็เริ่มขยายเส้นทางในการปั่นจักรยาน จากอรุณอัมรินทร์ มาปิ่นเกล้า ตอนชันไม่เท่าไหร่ ตอนลงจากสะพานมันสุดยอดมาก (รถคู่ใจ P.K. RIPPER ขอบคุณภาพจาก tritoncycles.co.uk)

ทุกอย่างอยู่ที่เรา เป็นตัวกำหนด ตัวแปรสุขภาพ ปั่นเร็วมากไปก็เหนื่อย ปั่นให้พอดี ให้รู้จักประมาณตัวเอง พอเป็นวัยรุ่น จักรยานก็เริ่มจะไม่พอแล้ว จากจักรยานก็เริ่มขยายเป็น มอเตอร์ไซค์ คันแรกก็เริ่มเป็น Suzuki FR 80   เริ่มขี่มอเตอร์ไซค์ ไปโรงเรียน (เรียนเทคโนโลยี หมู่บ้านครู ช่างกลอุตสาหกรรม) พอเริ่มออกเดินทางก็เริ่มเดินทางไกลมากขึ้น จากจักรยานแม่บ้านมาเป็นจักรยาน BMX ตอนนั้น ปั่นจักรยานจริงจังมาก จนถึงขั้นไปลงสนามแข่ง แม่อนุญาตในการปั่นจักรยานท่องเที่ยวได้ แต่ยังไม่อนุญาตให้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ทางไกล ตอนนั้นเคยปั่นจักรยานกับเพื่อน บ้านอยู่หนองแขม ปั่นไปบางแสน ปั่นไปกับเพื่อน 9 คน  ออกจากบ้านตี 3 ไปถึงบางแสน บ่ายโมง มีเพื่อนที่เป็นนักแข่งเสือหมอบ ชื่อพี่เจี๊ยบ เปิดร้านจักรยานที่หนองแขม เพื่อนบอกว่าก่อนปั่นทางไกล อย่าเพิ่งกินข้าว  ตอนบ่ายพอถึงบางแสนก็ได้กินทีเดียวเลยครับ  เป็นแกงค์ BMX  ปั่นไปบางแสน วันนั้นกลับมาถึงบ้านเที่ยงคืน ซึ่งแม่จะเป็นจะตาย เพราะหายไปแบบไม่รู้หายตัวไปไหน โดนหวด เพราะแม่เป็นห่วง แต่ไม่กล้าที่จะบอกแม่ว่าจะปั่นไปไหน ภาพประสบการณ์ปั่นจักรยานที่อยู่ในความประทับใจ และความทรงจำที่ดีตลอดไป”

(มอเตอร์ไซต์คันแรก Suzuki FR 80  ขอบคุณภาพจาก suzukicycles.org)

    จาก มิตรภาพสองล้อ สู่ วงการถ่ายภาพ ?

              “คำว่า ‘มิตรภาพ’ มันแทรกซึมบรรยากาศของการออกทริป มีจุดหมายเดียวกันกับ มิตรภาพระหว่างทาง เอื้ออาทรต่อกัน เพื่อนที่เป็นชาวสวน พกฝรั่งเป็นสเบียง ระหว่างปั่น เราเลยได้รับรู้ถึงรสชาติ เรานึกถึงเวลานั้นระหว่างซื้อน้ำแข็งเปล่า 1 ถุง กินกัน 9 คน 

                พอทำงานเริ่มรับผิดชอบตัวเองได้ ก็เลยเริ่มตัดสินใจซื้อมอเตอร์ไซค์ คันแรก Yamaha YSR 50 (รถ 50 CC.) คันเล็กแต่แพง ประมาณ 26,000 บาท  งานครั้งแรกเป็น เซลล์ขายแอร์ ได้เงินเดือนเดือนละ 2,800 แต่ได้ค่า Comm. สูง ตอนนั้นได้ 20% ก็ต้องขอบคุณทุกโอกาสและลูกค้าประทับใจ เลยมีโอกาสมาได้ซื้อมอเตอร์ไซค์คันแรก

 (ขอบคุณภาพจาก nostalgicsportsbikes.com)

                เมื่อมีความฝัน มีความทะเยอะทะยาน มองอนาคตว่าอยากสร้างฝันเพิ่ม เลยอยากเปลี่ยนงานจากขายแอร์ มาเป็นขายอุปกรณ์กล้อง ที่ Central Trading โดยรุ่นพี่มาแนะนำว่าสนใจมั้ย ซึ่งตอนนั้น กล้องคือ Passion ของผมอยู่แล้ว ผมชอบการถ่ายภาพ 

                 ตอนนั้นก็ขยับขยายจากเป็น เซลล์ขายแอร์ สู่วงการกล้องโปร คิดว่าเมื่อมีคนให้โอกาส เราก็ต้องทำให้สุด ไปเจอหัวหน้าถามว่า ‘จะเป็นเซลล์ขายกล้องได้หรอ’ ผมก็ตอบไปเลยว่า ถ้าพี่คิดว่าผมทำได้ ผมก็ทำได้ เอามั้ยหล่ะ ถ้าผมขายไม่ได้ ไม่ต้องจ่ายเงินเดือนผม’ คือ ตอนนั้น อารมณ์นักเลงในการทำงานมาก กล้าได้กล้าเสีย ในที่สุดเค้าก็รับเข้าทำงาน หลังจากนั้นชีวิตเปลี่ยน ได้มีโอกาสศึกษากล้องโปรทุกรุ่น ไมค์ได้ลองมาหมดทุกรุ่น Hasselblad 500 CM  รุ่น Limited edition ไปเทสต์ถ่ายงานบวช ช่วงนั้นเราอยากรู้อะไร เราจะรู้ให้สุดทาง เทสต์หลายๆ รูปแบบเพื่อรู้องค์ประกอบของกล้อง เรียกว่า งานเล็ก งานใหญ่ เราเทสต์หมด ผมมีความเชื่อมั่นว่า การเป็นเซลล์ที่ดี ต้องรู้สินค้าของตัวเองให้ทะลุปรุโปร่ง ต้องรู้ว่าขายยังไงและแนะนำลูกค้าอย่างไรให้มีความมั่นใจ ทำให้ลูกค้าประทับใจและไว้ใจเราให้ได้ ที่สำคัญบริการหลังการขายยิ่งสำคัญ’ “

(กล้องตัวเก่ง  Hasselblad 500 CM  รุ่น Limited edition ขอบคุณภาพจาก tayandhergay.blogspot.com)

ขยับจากวงการกล้อง สู่วงการเบื้องหลัง?

“จากรู้เรื่องกล้อง มีรุ่นพี่ที่เปิดสตูดิโอ ได้มีโอกาสพูดคุยเรื่องกล้อง ไปไหนมาไหนก็จะพกกล้องด้วยตลาด ตอนนั้นเขาอยากได้ผู้ช่วยช่างภาพ มาทำงานที่สตูดิโอ  เป้าหมายตอนนั้น อยากเป็นช่างภาพ เลยตัดสินใจ ที่ไดทำสนามจริง ถ่ายรูปตาม Concept  ของ Art Director กับ Agency หัวใจของการทำงาน : Professional ผู้ชำนาญการที่ไม่มีคำว่าผิดพลาด ตอนนั้น มีรายได้สูงขึ้น จนมีโอกาสได้ทำตาม Passion อีกด้านที่รัก คือ การขับขี่เรียนรู้ทักษะการขับขี่มอเตอร์ไซค์ มีโอกาสจาก Studio ได้โอกาสทำงานหลากหลายมากขึ้น ได้ทำงานบริษัทผลิตรายการของ ทูน หิรัญทรัพย์ ชื่อบริษัท เมอรี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ครีเอทีฟ รายการ มิวสิคเกม พี่วินิจ – หัทยา เกษสังข์ แล้วย้ายมาเป็นครีเอทีฟ ผลิตรายการ ดาราจำเป็น มาตามนัด ตอนนั้นคุณตุ๊ก ญาณี เป็นพิธีกร รวมถึงอีกหลากหลายรายการ จนมาถึง เรื่องจริงที่เหลือเชื่อ ITV เหมือนรายการ Believe it Or not ช่วงนั้นยิ่งทำให้ผมเองต้องออกเดินทางมากยิ่งขึ้น ถึงแม้จะมีรถทีมงาน  ผมก็สนองความต้องการของตัวเองในการชี่มอเตอร์ไซค์เดินทางตลอดทุกเส้นทางการถ่ายทำ หลังจากนั้นมีเพื่อนชวนไปทำงานที่ ดาราวิดีโอ เป็นผู้ช่วยผู้กำกับ ให้พี่มานพ สัมมาบัตร ตอนนั้น คือ ละครละอองดาว , ริษยา, เหตุเกิดที่ สน. , ปากกาทอง ก่อนจะย้ายมาทำงานที่บริษัท R.S. Promotion 1992 จำกัด ในฐานะผู้กำกับรายการเพลง “บันเทิงมื้อเที่ยง” ที่มี อาเด๋อ กับ ป๋าเทพ เป็นพิธีกร จนเฮียฮ้อ สุระชัย เชษฐโชติศักดิ์ ให้มาทำ ผู้ช่วยผู้กำกับการแสดง เรื่อง หวานใจ ที่มี ออย – ธนา สุทธิกมล กับ ธัญญ่า ธัญเรศ รามณรงค์”

จากคนเบื้องหลังสู่คนเบื้องหน้า ?

“หลังจากปิดกล้องละคร  รอละครเรื่องใหม่ เพื่อนผู้กำกับฯ ชวนไป Casting ‘เสือโจรพันธุ์เสือ’ ที่ ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น ตอนนั้นมีโอกาสได้เจอกับพี่ปื๊ด ธนิตย์ จิตนุกูล ก่อนเข้าไปแคสติ้ง พี่ปี๊ด บอกว่า ให้รับบทเสือหน่อย เลย เพราะเป็นคนที่กวนดี ก็ได้เกิดจากภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้ทำงานเบื้องหน้ามากขึ้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จที่ไม่คาดฝันมาก่อน และเริ่มมาเล่นละคร กับบทบาทเด่นใน ละครเรื่องตี๋ใหญ่ ได้ประกบคู่กับ หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก และดีใจที่ได้ทำงานร่วมกับ พี่แดงซ่า นพดล มงคลพันธ์ ผู้กำกับมากฝีมือ เรื่องนี้ถือว่าเป็นงานละครที่จุดประกาย ทำให้มีงานแสดงเข้ามาต่อเนื่อง  รวมถึงได้เล่นบทบาทสำคัญ ในละครโลกทั้งใบให้นายคนเดียว ในแบบฉบับละครมี ลิฟท์ สุพจน์ จันทร์เจริญ เล่นเป็น ไม้ และ โบว์ ปรารถนา องค์ชัยศักดิ์ เล่นเป็น ป้อนช่วงเวลาว่าง ก่อนทำละคร ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ แล้วเพื่อนประสบอุบัติเหตุ ขี่มอเตอร์ไซค์ ล้มต่อหน้าต่อตา ทำให้กลัวการขี่มอเตอร์ไซค์ อยู่ 5 ปี จนกลับมาทำใจได้ เริ่มต้นจากการขี่ Kawasaki KSR เป็นมอเตอร์ไซค์คันเล็ก จนเลยเถิดไปถึงขับมอเตอร์ไซค์ที่ชอบในหลายๆ ประเภท หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น  KSR หลังจากนั้น ก็เริ่มทำชุดแต่งรถเอง จนมาถึงการเปิดร้านตบแต่งมอเตอร์ไซค์ ภายใต้ชื่อร้าน แอสเซสซอรี่โมโตอยู่ 2 ปี ควบคู่กับการปั่นจักรยาน ไปร้านทุกวัน ถือว่าได้ทำทุกอย่างเป็น สเต็ปตามฝัน เหมือนกับที่ปัจจุบันนี้ มาทำรีสอร์ทที่ ปราณบุรี ชื่อ Lakaza De Pran โดยมีความคิดที่ว่า ฝันอย่าให้มันเป็นแค่ฝัน ต้องทำมันให้เป็นความจริงให้ได้ หากเรามีความชอบ ควรตั้งใจทำให้ดีที่สุด”

 เดี๋ยวนี้ผมจะทำอะไรก็ตาม ผมจะตั้งมั่นในการทำงาน ให้รู้แบบ รู้อะไรไม่สู้รู้สึก คุณรู้ ถ้าฝนมันเย็น แต่คุณไม่รู้สึกหรอก ถ้าคุณไม่โดนฝน   ผมถึงอยู่ได้ในทุกฤดู ทุกสถานการณ์

ผม “ไมค์ พลภัทร เวลส์ช”

 

         

 

Loading Facebook Comments ...

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here