พิสูจน์ใจ พิชิตยอดเขาโมโกจู แหล่งกำเนิดต้นน้ำแม่วงก์
เดินป่าเส้นทางอนุรักษ์ธรรมชาติ สัตว์ป่า อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ที่ไม่ธรรมดา

เรื่อง : ธนภณ  นิลพัฒน์
ภาพ : ธนภณ  นิลพัฒน์, ททท. สำนักงานสุโขทัย, Tonn Explorer

“อุทยานแห่งชาติแม่วงก์” ขึ้นชื่อว่าเป็นอุทยานที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดกำแพงเพชรและนครสวรรค์ มีเนื้อที่ทั้งหมด 558,750ไร่ และในพื้นที่อุทยานฯ แห่งนี้ เป็นที่ตั้งของ “ยอดเขาโมโกจู” ยอดเขาที่ได้ขึ้นชื่อว่าสูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ด้วยความสูง 1,964 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ของทุกปี ทางอุทยานฯ จะเปิดเส้นทางเดินป่าเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้พิชิตยอดเขาโมโกจู สัมผัสกับความงดงามของผืนป่า ซึ่งประกอบไปด้วยป่ากว้าง 3 แห่งด้วยกัน คือ ผืนป่าคลองลาน ผืนป่าห้วยขาแข้ง และผืนป่าอุ้มผาง

การไปในครั้งนี้เราได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคเหนือและอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ เพื่อสำรวจป่าและพิชิตยอดเขาโมโกจู เราเริ่มต้น ณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดกำแพงเพชร โดยใช้เวลาเดินทาง 5-6 ชั่วโมง เมื่อถึงอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ นอกจากพวกเราและพี่ ๆ จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุโขทัยแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ร่วมเดินทางไปกับพวกเราด้วย โดยก่อนออกเดินทางทำภารกิจต้องมีการอบรมกฎระเบียบ การปฏิบัติตัว ข้อห้ามต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเราและธรรมชาติ

เริ่มต้นภารกิจจากอุทยานแห่งชาติแม่วงก์สู่แคมป์แม่กระสา ระยะทาง 16 กิโลเมตร เดินบนเส้นทางของเสือโคร่งและช้างป่า ร่องรอยต่างๆบนพื้นไม่ว่าจะเป็นมูล รอยเท้า หรือรอยการทำลายต้นไม้เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นทางของเสือโคร่งและช้างป่าจริง

เมื่อถึงแคมป์แม่กระสา เราก็ได้รับการต้อนรับจากนกยูงคู่หนึ่งที่ยืนรอเราอยู่ที่แคมป์ อีกทั้งยังมีนกแก๊ก(นกเงือกเล็กพันธุ์หนึ่ง) ที่หาดูได้ยากก็บินมาให้เราชมด้วยเช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติแม่วงก์

หลังจากนั้นเราเดินเท้ามุ่งหน้าเข้าป่าไผ่อีก 4 กิโลเมตร เพื่อไปพักที่แคมป์แม่เรวา แม้ระยะทางจะไม่ไกลแต่ก็ร้อนจนเหงื่อไหล อีกทั้งยังมีตัวคุ่นให้คอยรำคาญตลอกทาง  แคมป์แม่เรวาตั้งอยู่ใกล้กับธารน้ำเล็กๆ มีห้องน้ำที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้

ห่างแคมป์ไป 3 กิโลเมตรมีน้ำตกแม่เรวาอยู่ เราไปถึงแคมป์ในช่วงบ่ายจึงมีเวลามากพอที่จะไปดูน้ำตกแม่เรวา จึงเดินเท้าไปยังน้ำตกแม่เรวา  ใช้เวลาเดินไม่นานนักก็ถึงน้ำตก น้ำตกสูงตระหง่าตั้งอยู่กลางป่า  ละอองนน้ำเย็นๆช่วยให้เราหายเหนื่อยไปได้ หลังจากชมน้ำตกเสร็จก็กลับไปที่แคมป์แม่เรวาเพื่อพักผ่อนและเตรียมตัวเดินทางในวันถัดไป

รุ่งเช้าวันถัดมาเป็นช่วงเวลาที่โหดที่สุดของการพิชิตยอดเขาโมโกจู ระยะทาง 8 กิโลเมตรทรหด เดินขึ้นเขาที่มีความลาดชันมาก เราเดินทางกันทั้งวันเพื่อไปให้ถึงแคมป์ตีนดอย  ระหว่างทางเราพบร่องรอยของสัตว์ป่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นมูลของเสือ  มูลของสมเสร็จ มูลของหมาใน ขนของเม่น รอยฝนเล็บของหมี เสียงร้องของชะนี สิ่งเหล่านี้ชี้ให้เราเห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าที่สามารถทำให้สัตว์ป่ายังสามารถมีชีวิตอยู่ได้  เจ้าหน้าที่คอยเตือนเราอยู่เสมอว่าเรามาบ้านของเค้า หากเราไม่ช่วยอนุรักษ์  ก็อย่าทำลายบ้านเค้า อย่าทิ้งขยะไว้ตามทาง เพราะสัตว์ป่าเค้าไม่รู้ เค้าจะกินเข้าไปและตายในที่สุด  เราก็จะกลายเป็นฆาตกรโดยไม่รู้ตัว

8 กิโลเมตรสุดโหดไม่ได้โหดเพียงแค่สภาพภูมิประเทศที่เป็นทางชันเท่านั้น อากาศเองก็โหดเหมือนกัน  ในขณะที่เราเดินทั้งตลอดทั้งวันเจอกับอากาศร้อน หนาว ฝน  ที่พีคที่สุด อากาศหนาวมากทในขณะที่ฝนยังตกอยู่ ทำเอาร่างกายปรับสภาพไม่ทัน น้ำมูกไหลไปตาม ๆ กัน  ตลอดเส้นทางเราสามารถเติมน้ำได้แค่ 2 จุดเท่านั้น คือ คลอง1 ที่อยู่บริเวณป่าดิบชื้น ด้วยสภาพความอุดมสมบูรณ์เราจึงต้องระวังตัวทากเป็นอย่างมาก หากจะเติมน้ำต้องสังเกตุให้ดี ๆ

จากคลอง1ไปคลอง 2 ใช้เวลาหลายชั่วโมง  และสภาพอากาศก็แย่เข้าไปเรื่อยๆ เมื่อเราเดินทางมาถึงคลอง 2  ด้วยหมอกปกคลุมทั่วพื้นที่ คณะเดินทางเราจึงตัดสินใจพักแคมป์กันบริเวณคลอง 2  เราอยู่บนความสูง 1,200 ม. เหนือระดับน้ำทะเล  อากาศหนาว ฝนตก ในสภาพที่เราเปียกปอนไปทั้งตัว ไม่มีที่อาบน้ำ ไม่มีห้องน้ำ หมอกหนาจนเราไม่สามารถมองเห็นเต้นท์ของเพื่อนร่วมคณะที่อยู่ตรงข้ามเราได้  และยิ่งตกดึกฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ อากาศก็เย็นลงเรื่อยๆ ไม่มีแสงสว่าง มืดขนาดไม่สามารถมองอะไรได้เห็น

ด้วยสภาพอากาศที่ทัศนวิสัยไม่ดี ทำให้เราไม่สามารถเดินทางต่อไปยังยอดเขาโมโกจูได้ เพราะอันตรายเกินไป จึงตัดสินใจเดินทางไปกลับยังแคมป์แม่กระสา ระยะทาง 12 กิโลเมตร ทางลงแม้จะง่ายกว่าตอนขึ้น แต่ด้วยความชันและความลื่นจากความชื้น ทำเอาคณะเดินทางลื่นล้มกันไปตลอดทาง กว่าจะถึงแคมป์แม่กระสาได้ ปวดเมื่อย ตัวบวมกันไปเป็นแถบ  เมื่อถึงแคมป์แม่กระสาเราได้ชำระล้างร่างกายกันอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้อาบน้ำกันตั้งแต่เมื่อ รับประทานอาหารและพักผ่อนเตรียมตัวกลับลงสู่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ในวันรุ่งขึ้น แม้ว่าเราจะไม่สามารถเดินขึ้นไปยังจุดสูงสุดของโมโกจูได้ แต่อย่างน้อยสิ่งที่ได้กลับมาคือประสบการณ์และมิตรภาพตลอดทั้งทริป ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแม่วงศ์ทุก ๆ คน ที่ดูแลพวกเราเป็นอย่างเดียว รวมถึงพี่ ๆ ลูกหาบ ถ้าหากไม่มีพี่ ๆ สัมภาระที่เราเอามาจะเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคแน่นอน และที่สำคัญต้องขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่ให้เกียรติเชิญพวกเรามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่น่าประทับใจนี้

สำหรับใครที่อยากจะสัมผัสประสบการณ์แบบนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ หรือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุโขทัย เบอร์ติดต่อ 055 616 228-9

ข้อมูลเพิ่มเติม

ที่ตั้งและแผนที่
อุทยานแห่งชาติแม่วงก์
กม.ที่ 65 อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร 62180
โทรศัพท์ : 0 5576 6027
โซนกำแพงเพชร : 09 0457 9291 (ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่วงก์)
โซนนครสวรรค์ : 09 8797 3197 (หน่วยแม่เรวา)
E-mail.com :maewong_np@hotmail.com
Facebook Fanpage : อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ : นายกิติพัฒน์ ธาราภิบาล
ตำแหน่ง นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ

อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ
ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท

หมายเหตุ เมื่อชำระค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติแล้ว กรุณาพกบัตรค่าบริการติดตัวขณะท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเพื่อการตรวจสอบ

#พิชิตยอดเขาโมโกจู
#MogojuPeak
#อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ #DNP
#amazingthaiเท่ #TAT
#gonorththailand
#การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

==================

#RideExplorer #ExploreYourLife
#ชัยชนะไม่เท่าแรงบันดาลใจ
#SurvivalTogether #SaveTheWild
#Dreamcatcher #ผู้พิทักษ์ฝัน #ทำให้มันเป็นจริง

 

 

 

 

 

Loading Facebook Comments ...

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here