L’etape Thailand by Tour de France 2019

งานแข่งจักรยานทางไกลประเภทถนนที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งของโลกหนีไม่พ้นรายการ Tour de France ซึ่งมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 100 ปี จัดแข่งขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่ปี ค.ศ. 1903 เป็นการแข่งจักรยานที่กินเวลายาวนานกว่า 21 วันติดต่อกัน นับว่าเก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้เลยก็ว่าได้ ถ้าได้ย้อนกลับไปถึงต้นกำเนิดคงจะอ่านกันตาแฉะ จึงขอย่อสั้นๆ ในใจความว่า ตั้งแต่ ค.ศ. 1903 จนถึงปัจจุบัน การแข่งขันจัดขึ้นทุกปียกเว้นช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสองเท่านั้นที่เว้นว่างไป และปีนี้ ค.ศ. 2019 นับได้เป็นครั้งที่ 106 ระยะทางการแข่งขันรวมทั้งสิ้น 21 Stages

ในแต่ละปีนั้น นักปั่นมือโปรต้องปั่นกว่าสามพันกิโลเมตรโดยเฉลี่ยบนเส้นทางรอบประเทศฝรั่งเศสและประเทศเพื่อนบ้าน ในแต่ละ Stage จะมีลักษณะความชันสะสมที่แตกต่างกัน และจะมีสอง Stage ที่ต้องปั่นจับเวลาแบบเดี่ยวและแบบทีมเรียกว่า Individual Time Trial และ Team Time Trial นักปั่นจะมีเวลาพักสองวันในการแข่งขันแต่ละปี รวมทั้งหมด 23 วัน นักปั่นที่ทำเวลาน้อยที่สุดในแต่ละวันจะได้สวมเสื้อสีเหลืองซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้นำเวลารวม ส่วนนักปั่นที่ทำความเร็วและเก็บแต้มในแต่ละจุดที่กำหนดไว้ได้มากที่สุดในแต่ละวันจะได้สวมเสื้อสีเขียวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าความเร็ว และนักปั่นสายเขาที่เก็บแต้มบนยอดเขาที่ผู้จัดกำหนดไว้ในแต่ละวันได้มากที่สุดจะได้สวมเสื้อลายจุดซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าภูเขา นักปั่นที่อายุต่ำกว่า 26 ปี ที่ทำเวลารวมน้อยที่สุดจะได้สวมเสื้อสีขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของดาวรุ่งผู้นำเวลารวม นี่คือกติกาและรางวัลหลักๆ ที่ยังไม่รวมคะแนนรวมประเภททีมและนักปั่นสายบู๊ดีเด่น มีนักปั่นมืออาชีพกว่า 170 ชีวิต ภายใต้สังกัด 22 ทีม ต้องวางแผน ซ้อมเก็บตัว ดูแลตัวเองด้านโภชนาการ ฯลฯ ตลอดทั้งปีเพื่อที่จะลงแข่งในรายการนี้

Tour de France นับเป็นหนึ่งในสามแกรนด์ทัวร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เป็นรายการที่เต็มไปด้วยเกียรติยศและศักดิ์ศรี แชมป์โลกจักรยานประเภทลู่และถนนเคยกล่าวไว้ว่า การสวมเสื้อเหลืองเพียงวันเดียวในรายการนี้ ความภูมิใจนั้นยิ่งใหญ่เหนือรางวัลอื่นใดที่ได้มาทั้งชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงความขลังอลังการที่หล่อหลอมกันมานานกว่าศตวรรษ การจะได้มาซึ่งเสื้อเหลืองต้องมีพร้อมในทุกๆ เรื่อง ฝีมือ ความสามัคคีของเพื่อนร่วมทีม ความเร็ว ความทนทาน ดวง ไหนจะอุบัติเหตุ ไหนจะความขัดข้องทางเทคนิคบนรถจักรยาน ทุกสิ่งต้องเป็นใจกว่าจะได้มาซึ่งเสื้อเหลืองแห่งเกียรติยศนี้

แฟนคลับชาวจักรยานทั่วโลกไม่ว่าจะชื่นชอบจักรยานประเภทใดก็ต้องมีโอกาสได้ชมการถ่ายทอดสดรายการ Tour de France สักครั้งเป็นอย่างน้อย การได้ชมฝีมือระดับโปรทัวร์ของโลกแล้วนำมาเปรียบเทียบกับศักยภาพของตัวเองนั้น ต่างเข้าใจไปในทางเดียวกันว่า ช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างมนุษย์ธรรมดาและมนุษย์ที่เกิดมาเพื่อปั่นจักรยานโดยแท้ ความชันของภูเขาเป็นเรื่องสากลโดยเทียบเป็นเปอร์เซ็น ความเร็วก็เช่นกันมีหน่วยวัดเป็นกิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นเรื่องที่เปรียบเทียบได้ไม่ยากกับการปั่นออกกำลังกายทั่วไปในแต่ละวัน ยกตัวอย่างบนความชันประมาณ 18% เราปั่นความเร็ว 4-6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นปกติ แต่มือโปรปั่นในความชันระดับเดียวกันด้วยความเร็ว 25-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งแตกต่างกันอย่างชัดเจนในเรื่องของความแข็งแรง

 

แล้วถ้าคนปกติอย่างเราๆ อยากที่จะซึมซับบรรยากาศการแข่งขันจำลองระดับโลกละ จะมีโอกาสบ้างหรือไม่? L’etape du Tour เป็นรายการแข่งจักรยานซึ่งเปิดโอกาสให้เหล่านักปั่นมือสมัครเล่นได้สัมผัสบรรยากาศเส้นทางปั่นสนามจริงหนึ่งสเตจที่ได้จัดแข่งในรายการ Tour de France โดยเส้นทางจะปั่นขึ้นเทือกเขา Alps หรือ Pyrenees แล้วแต่ปีที่จัด ในแต่ละปีจะมีนักปั่นกว่า 15,000 คนโดยเฉลี่ยจากหลากหลายประเทศได้ร่วมปั่นในรายการนี้ภายใต้มาตรฐานเดียวกันซึ่งรับรองโดยผู้จัดงานแข่ง Tour de France การดูแลด้านความปลอดภัย การช่วยเหลือทางด้านพยาบาลและจุดเติมอาหารมีครบ ทั้งนี้ยังมีการซื้อลิขสิทธิ์จากหลากหลายประเทศเพื่อไปจัดในประเทศตัวเองให้นักปั่นได้ซึมซับประสบการณ์การแข่งขันภายใต้มาตรฐานระดับโปรทัวร์โดยไม่ต้องเดินทางไปถึงประเทศฝรั่งเศส อาทิเช่น ประเทศออสเตรเลีย ประเทศโคลัมเบีย ประเทศบราซิล ประเทศเกาหลีใต้ ประเทศอื่นๆ อีกมากมาย และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น

เมื่อปี 2018 รายการแข่งจักรยาน L’Etape Thailand by Tour de France ได้ถูกนำเข้ามาจัดเป็นปีแรกที่จังหวัดพังงาโดยเริ่มที่เขาหลักไปจบที่ตะกั่วป่ามีระยะทาง 140 กิโลเมตรและ 70 กิโลเมตร หลังจากงานแข่งจบไป ผมได้ยินคำเล่าลือจากเพื่อนๆ นักปั่นว่า “ปิดถนนร้อยเปอร์เซ็น เส้นทางปั่นมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม” เส้นทางจักรยานทางภาคใต้ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของความงดงามทางภูมิทัศน์ แต่การปิดถนนร้อยเปอร์เซ็นในประเทศไทยต้องพิสูจน์ด้วยตาของตัวเองเท่านั้นถึงจะเล่าต่อได้

นับเป็นประสบการณ์ที่ดีที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้มอบโอกาสให้ผมได้มาร่วมกิจกรรมแข่งจักรยานที่ได้ลิขสิทธิ์มาจากการแข่งขันระดับโลก L’Etape Thailand by Tour de France 2019 ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดพังงาเป็นปีที่สองโดยเริ่มที่เขาหลักไปจบที่ตะกั่วป่าเช่นเดิม แต่ระยะทางเปลี่ยนไปโดยเพิ่มขึ้นเป็น 159 กิโลเมตร และเพิ่มจากภูเขาหนึ่งลูกเมื่อปีที่แล้ว กลายเป็นสามลูกในปีนี้ ส่วนระยะทาง 70 กิโลเมตรยังไม่เปลี่ยน ในเมื่อผมได้รับโอกาสจึงไม่ปฎิเสธที่จะลงระยะที่เรียกได้ว่าท้าทายความสามารถของนักปั่นแทบทุกคนคือ 159 กิโลเมตร บนเส้นทางที่มีความชันสะสม 1,000 เมตรโดยประมาณ กอรปกับระยะทางที่ยาวไกลเพื่อทดสอบความทนทานของกล้ามเนื้อ อาหารต้องเตรียมให้พอ จุดให้น้ำมีทั้งหมดสี่จุด มีจุดตัดตัวตามเวลาที่กำหนดให้เพื่อไม่ให้ช้าจนเกินไปสำหรับการจัดการแข่งขัน รางวัลตามกฎกติกาคือเสื้อเหลืองสำหรับผู้ที่ทำเวลาได้น้อยที่สุด เสื้อเขียวสำหรับเจ้าความเร็ว เสื้อลายจุดสำหรับเจ้าภูเขา และเสื้อขาวสำหรับผู้ที่ทำเวลาได้น้อยที่สุดในอายุต่ำกว่า 26 ปี รางวัลดังกล่าวแบ่งเป็นประเภทชายและหญิงเท่านั้นโดยไม่แบ่งรุ่นอายุ ส่วนผู้ชนะที่ได้เสื้อเหลืองจะได้รางวัลเป็นตั๋วเครื่องบินไปกลับและที่พักเพื่อไปแข่งจักรยานรายการ L’Etape Du Tour ที่ประเทศฝรั่งเศสโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

บรรยากาศในวันรับป้ายชื่อและอุปกรณ์ติดรถค่อนข้างครึกครื้น มีนักปั่นหลากหลายประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน เท่าที่สังเกตุจากภาษาใต้ที่สนทนากัน เห็นได้ว่ามีนักปั่นจากจังหวัดใกล้เคียงมาเข้าร่วมพอสมควร และส่วนใหญ่โดยสารรถด้วยกันมา นักปั่นที่มาจากต่างภาคสามารถโดยสารด้วยเครื่องบินแล้วต่อรถจากสนามบินภูเก็ตประมาณสองชั่วโมงเพื่อมาถึงเขาหลักจังหวัดพังงา ที่พักบริเวณใกล้เคียงสถานที่จัดการแข่งขันค่อนข้างเต็ม เนื่องจากภาคใต้เริ่มเข้าหน้า High Season จึงมีทั้งนักท่องเที่ยวและนักปั่นจักรยานมาเยี่ยมเยียนสถานที่ระแวกนี้เป็นจำนวนมาก

นักปั่นโปรทัวร์ที่ได้รับเชิญมาในปีนี้คือ Cadel Evans อดีตแชมป์โลกเสือหมอบปี 2009 และแชมป์ Tour De France ปี 2011 ส่วนปีที่แล้วคือ Alberto Contador อดีตดับเบิลแชมป์ Tour De France ปี 2007 และ 2009 มีนางฟ้านักปั่นมาร่วมกิจกรรมในระยะ 70 กิโลเมตรเป็นสีสันให้กับผู้ร่วมงานได้อย่างดี ในงานมีบูธแสดงสินค้าหลากหลายให้ได้จับจ่ายใช้สอยกันสำหรับผู้ที่เตรียมอุปกรณ์มาไม่ครบ และมีบูธเช็คและตรวจสภาพจักรยานให้นักปั่นทุกคันที่ได้ร่วมแข่งขันเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับวันรุ่งขึ้น

เช้าวันแข่งขันอากาศดีมาก นักปั่นทั้งสองระยะทยอยเข้างานเพื่อรับประทานอาหารเช้าที่ทางผู้จัดเตรียมไว้ให้ การปล่อยตัวเริ่มตั้งแต่เวลา 7.00 น. เป็นต้นไป เรียงลำดับ Wave 0-2 สำหรับระยะทาง 159 กิโลเมตร และ Wave 3-4 สำหรับระยะทาง 70 กิโลเมตร ปล่อยตัวห่างกัน 5 นาทีต่อ Wave แบ่งโดยความเร็วเฉลี่ยของแต่ละท่านที่คาดว่าจบการแข่งขันตามที่ระบุไว้ในตอนสมัคร ผมได้รับป้ายแข่งขันในระยะทาง 159 กิโลเมตร ปล่อยตัว Wave 2 ซึ่งออกสตาร์ทเป็นกลุ่มที่สาม

ก่อนปล่อยตัวก็ได้มีโอกาสทักทายเจ้าถิ่นหลายท่าน ซึ่งแทบทุกคนที่ได้มาปั่นเมื่อปีที่แล้วในระยะทาง 140 กิโลเมตร เปลี่ยนมาลงเพียง 70 กิโลเมตรในปีนี้เป็นส่วนใหญ่ แต่ละท่านเคยผ่านอะไรมากันบ้าง เหลือเพียงเวลาปล่อยตัวเพื่อจะไปพิสูจน์ประสบการณ์จริงในสนามด้วยตัวเอง

Wave 0 นับเคาท์ดาวน์และปล่อยตัวไป ตามด้วย Wave 1 และจะต่อด้วย Wave 2 ซึ่งผมเห็นเพื่อนของคุณพ่อซึ่งเป็นนักปั่นขาแรงแห่งเมืองภูเก็ตยืนอยู่แถวหน้า “โกยศ” ผมจึงเข้าไปสวัสดีและขอฝากเนื้อฝากตัว สิ้นเสียงการปล่อยตัว โกยศในวัย 58 ปี ออกตัวไปคนแรกลากยาวมุ่งหน้าสู่เขาหลัก เส้นทางขึ้นลงคดเคี้ยวเลี้ยวไปมา ผมตามอยู่เป็นคันที่สองโดยมีโกยศบังลมให้ จังหวะนี้ต้องบอกว่าสนุกมาก ได้บรรยากาศการแข่งขันเต็มรูปแบบ ถนนปิดร้อยเปอร์เซ็น สามารถเลี้ยวตัดโค้งอีกฝั่งได้อย่างปลอดภัยโดยมีเจ้าหน้าที่มาร์แชลขับมอเตอร์ไซสี่ถึงห้าคันประกบกลุ่มนำและเป่านกหวีดเคลียร์พื้นที่นำทางให้ โค้งไหนพื้นเปียกก็มีเจ้าหน้าที่ยืนประจำจุดส่งสัญญาณแจ้งนักปั่นให้ระวัง

ในช่วงแรกทางซ้ายเป็นภูเขา ส่วนด้านขวาเป็นวิวทะเล เราปั่นบนถนนที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลจึงเห็นวิวสวยงามตระการตา ปั่นมุ่งหน้าสู่ ถ.เพชรเกษม เริ่มเห็นกลุ่มที่หลุดออกมาจาก Wave 1 ประมาณสิบห้าคัน ณ จุดนี้มีนักปั่นต่างชาติจากประเทศอังกฤษช่วยโกยศลากอีกแรงสลับกันด้วยความเร็วประมาณ 38-40 ผลัดกันลากยาวไปถึงกิโลเมตรที่ 40 แซง Wave 1 ได้อีกสองกลุ่มรวมแล้วกว่า 40 คันโดยประมาณ ปั่นผ่านสามแยกบายพาสเลี้ยวซ้ายเข้า ต.ทุ่งมะพร้าว เลี้ยวซ้ายต่อไปนิคมฯ เขากล้วย เลี้ยวขวาผ่านเทศบาลบ้านบางทองผ่านวัดสุวรรณาวาสหรือวัดแร่ ระหว่างทางเป็นเนินขึ้นลงตลอดเวลาและมีป่าสองข้างทางให้ความร่มเย็นสดชื่น อากาศดีมากได้ปั่นฝ่าหมอกยามเช้าโดยมีชาวบ้านมายืนให้กำลังใจทั้งสองข้างทางเป็นระยะ

ประมาณกิโลเมตรที่ 45 คือจุดพลิกผัน ณ เขาหินลับ ระยะทางขึ้นเขาไม่สูงและไม่ไกล ผมหลุดกลุ่มโดยข้างหน้ามีประมาณ 6 คันที่ปั่นลงเขาหินลับไปกับโกยศ ส่วนผมถอนหายใจเสียงดังจนฝรั่งที่ปั่นขึ้นมาข้างๆ หันมาหัวเราะชอบใจ เมื่อได้ลงเขาไปมุ่งหน้าสู่บ้านลำวะก็รวมกลุ่มที่หลุดมาได้ 4 คัน คราวนี้ถึงเวลาผลัดกันลาก ปั่นเข้า ถ.เพชรเกษม อีกครั้ง จนถึงสามแยกวังหม้อแกงเลี้ยวขวาเข้าบายพาสตรงไป อ.ทับปุด ถึงสามแยกเลี้ยวซ้ายเข้า ถ.สายเก่า ระหว่างทางนี้เกือบ 40 กิโลเมตร ปั่นกันอยู่ 4 คัน ลมแรงแสงแดดร้อน หมดแรงทั้งกลุ่มจึงตัดสินใจยกคันเร่ง และแล้วฝรั่งที่เราได้แซงมาก่อนหน้านี้จาก Wave 1 ก็กลับมาแซงเราอีกครั้งประมาณ 15 คัน ณ กิโลเมตรที่ 100 ตีนเขานางหงส์พอดี

ผมตัดสินใจไม่ตามกลุ่มเพื่อแวะเข้าห้องน้ำที่วัดก่อนขึ้นเขานางหงส์ ประมาณสิบนาทีจึงเสร็จภารกิจและได้เริ่มปั่นใหม่ เจ้าภูเขาจุดแรกอยู่บนยอดเขานางหงส์ มีจุดให้น้ำเติมเกลือแร่ กล้วย แตงโม ขนมปังสำเร็จรูป เมื่อลงจากเขานางหงส์จะเหลืออีก 60 กิโลเมตรสุดท้ายผ่านกะปง มีจุดเจ้าภูเขาจุดที่สองอยู่ที่เขาท่าไดยาวประมาณ 2 กิโลเมตร และลงไปถึงจุดเจ้าความเร็ว ปั่นเรื่อยๆ ผ่านไปจนถึงตลาดเก่า อ.ตะกั่วป่า เพื่อเข้าเส้นชัย ก่อนเข้าเส้นชัย 2 กิโลเมตร ฝนตกลงมาหนักหลังจากแดดเผามากว่าสามชั่วโมง

รางวัลเสื้อเหลืองและเสื้อลายจุดฝ่ายชายปีนี้ได้ชาวฝรั่งเศสส่วนฝ่ายหญิงได้คนไทย เสื้อเขียวฝ่ายชายได้คนไทยส่วนฝ่ายหญิงได้คนจีน แชมป์เก่าปีที่แล้วเป็นคนหาดใหญ่ทีม TTCT กลับมาแข่งปีนี้ได้รางวัลเสื้อขาวดาวรุ่งดีเด่นทำเวลาน้อยที่สุดและเป็นคนไทยคนแรกที่เข้าเส้นชัย

ผมมีโอกาสได้ปั่นคนเดียวกว่า 60 กิโลเมตร มองสุดลูกหูลูกตาโดยที่ข้างหน้าและข้างหลังไม่มีใคร เป็นการปั่นจักรยานที่ได้อยู่กับตัวเอง ถนนทั้งเส้นแทบจะเป็นของเราโดยสิ้นเชิง เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลตลอดสองข้างทางเป็นระยะซึ่งอยู่ในสายตาผมมาโดยตลอด รถยนต์โดยสารจอดรอให้นักปั่นวิ่งผ่านถึงแม้จะติดยาวเหยียดหลายร้อยเมตรแต่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี เมื่อได้สัมผัสประสบการณ์ตรงจึงได้พูดกับตัวเองว่า “เจ๋งวะ” ปิดถนนร้อยเปอร์เซ็นนั้นไม่น่าเชื่อแต่ก็เป็นไปได้ แม้จะมีรถโดยสารผ่านมาบ้างแต่อย่าลืมว่านี่คือถนนสายหลักในบางช่วง ต้องยอมรับว่า ณ ขณะนั้น เราปั่นอยู่คนเดียวบนถนนและเจ้าหน้าที่ก็อำนวยความสะดวกให้เราคนเดียวจริงๆ เพราะผมมองไปข้างหน้าและข้างหลังไม่มีใครยกเว้นแต่ผมคนเดียว

กว่าห้าชั่วโมงปลายๆ ที่ได้ปั่นในระยะ 159 กิโลเมตร สภาพอากาศมีครบทุกรูปแบบ ช่วงเช้าปั่นทะลุหมอก ต่อด้วยแดดร้อนและจบด้วยฝน  “ปิดถนนร้อยเปอร์เซ็น เส้นทางปั่นมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม” เมื่อได้มาสัมผัสเองจึงพูดได้เต็มปากว่าจริง นักปั่นรวมกันทั้งสองระยะกว่าพันคนนั้น เชื่อว่าได้ประสบการณ์ระดับอินเตอร์และกลับบ้านไปด้วยความประทับใจกันถ้วนหน้าไม่ต่างกัน

ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่ชวนเดอะกุ่ยมาร่วมงาน L’etape Thailand 2019 by Tour de France

#AmazingThailand #LetapeThailand2019 #RideExplorer

Loading Facebook Comments ...

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here