เที่ยวเมืองรอง..ลดหย่อนภาษี ที่ สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่  

สัมผัสวัฒนธรรมพื้นถิ่น ชมงานช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก

อนุรักษ์ชุมชนชาวกวย เรียนรู้ประวัติศาสตร์ศรีขรภูมิ

 

เรื่อง/ ภาพ  : ปภาวดี สะนัย    

          ออกเดินทางไปจังหวัดสุรินทร์  โดยจุดนัดหมายที่สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่ เมื่อสมาชิกร่วมเดินทางมากันครบ ก็ออกเดินทางจากจังหวัดกรุงเทพมหานคร เวลา 6.30 น.

การเดินทางในครั้งนี้ ได้รับการดูแลโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  สำนักงานสุรินทร์ ที่ดูแลพื้นที่การท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์-ศรีสะเกษ  ในภูมิภาค ภาคอีสาน โดยประเดิมเข้าร่วมงานในพิธีเปิดงานแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์ โดยมีประธานของงาน นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นางสาวธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานสุรินทร์ และทุกภาคส่วน และนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ในการเข้าร่วมพิธีเปิดงานครั้งยิ่งใหญ่ระดับโลกครั้งนี้อย่างคึกคัก

ได้มีโอกาสชมขบวนรถประกวดอาหารเลี้ยงช้าง อนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง พื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง โดยมีขบวนรถประกวดอาหารช้าง ที่ตกแต่งได้อย่างประณีตสวยงาม บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ และอัตตลักษณ์ของจังหวัดสุรินทร์ได้เป็นอย่างดี สร้างความตื่นตาตื่นใจ ให้ผู้ชมได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ภายในงานนอกจากจะมีขบวนรถประกวดอาหารช้างแล้ว ยังมีเวทีการแสดงของน้องๆ แต่ละโรงเรียนในพื้นที่ ที่มามอบความสุข สนุกสนาน

โดยการโชว์ศิลปะการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดสุรินทร์ ที่มีชื่อว่า “กันตรึม” ซึ่งมีจังหวะที่สนุกสนาน และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก

เพลิดเพลินกับงานในช่วงบ่ายแล้ว ในช่วงเย็นอากาศกำลังเย็นสบาย ผู้คนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาเดินชมขบวนรถแต่ละคันที่เข้าประกวดอาหารช้าง ที่ประดับประดาด้วยแสงสี ที่หลากหลาย สร้างสีสันของขบวนรถให้สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้นอีก รถแต่ละคันที่เข้าประกวดมีการแสดงเพื่อประชันความสามารถที่โดดเด่น ทั้งทางดนตรี การร้องเพลง และการฟ้อนรำ เพื่อเพิ่มคะแนนและความน่าสนใจจากคณะกรรมการตัดสินและผู้เยี่ยมชมขบวนรถ เรียกได้ว่าจัดเต็มแบบไม่มีใครยอมใคร

เมื่อเดินชมขบวนรถประกวดอาหารช้าง พอสมควรแล้ว ก็ได้เวลารับประทานอาหารเย็น เดินทางจากตัวเมืองสุรินทร์ ตรงเข้าซอยศาลหลักเมืองสุรินทร์ เลี้ยวขวาเข้าซอยประมาณ 300 เมตร ก็จะเจอร้านอาหารที่ขึ้นชื่อของจังหวัดสุรินทร์ ร้านหนึ่ง ชื่อว่า Sit In บรรยากาศในร้านสบายๆ บริการอาหารทั้งไทยและนานาชาติ มีหลากเมนูให้เลือกทาน รับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางเข้าที่พัก ชาร์จพลัง

เช้าวันใหม่ที่จังหวัดสุรินทร์ รับประทานอาหารเช้าเสร็จก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่อนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง เพื่อชมงานต้อนรับช้างเข้าเมืองและเลี้ยงอาหารช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในขบวนประกอบไปด้วยขบวนตำนานพระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง, ขบวนช้างเผือก, ขบวนรถประกวดอาหารช้าง, ขบวนวงดุริยางค์จากน้องๆ นักเรียนและขบวนนางรำ ที่แต่งกายด้วยชุดที่แสดงถึงความหลากหลายของชาติพันธุ์ในจังหวัดสุรินทร์ ที่มีทั้งชาวลาว ชาวเขมร และชาวกวย หรือชาวกูย

โดยเฉพาะชาวกวย ถือเป็นชุมชนที่มีความสำคัญในด้านการอนุรักษ์ช้างและวัฒนธรรมหมอช้าง หมอเฒ่าที่ควรรักษาไว้คงอยู่กับผืนแผ่นดินไทย

หลังจากชมขบวนต้อนรับช้างเข้าเมืองแล้วก็ได้เวลา เลี้ยงอาหารช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก สำหรับเมนูอาหารเลี้ยงช้างนั้นจะมีชื่อเรียกเฉพาะ ได้แก่ เจ้าพันตา (สับประรด), เจ้าเนื้อนวล (กล้วยน้ำว้า), ขาวหวานฉ่ำ(มันแถว), ข้อล่ำสัน(อ้อย), เขียวท้องโต(แตงโม)

วางบนโต๊ะรอบอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง และยาวไปตามแนวถนนกรุงศรีนอก อีกหนึ่งกิจกรรมในงาน มีแท็กซี่ช้าง  ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมทั้งชาวจังหวัดสุรินทร์เป็นอย่างมาก แม้อากาศจะร้อนแดดจะแรงก็อดทนเพื่อรอต่อแถวยืนรอนั่งแท็กซี่ช้างกันอย่างใจจดใจจ่อ สร้างรอยยิ้มและความสนุกสนานให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินใจ

หลังจากชมงานเลี้ยงอาหารช้างในช่วงเช้า  ช่วงบ่ายก็มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านเขวาสินรินทร์ หมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในงานหัตถกรรมเครื่องเงินโบราณที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะการคงเอกลักษณ์กรรมวิธีโบราณผสานกับการทำลูกประเกือม หรือประคำในภาษากลาง

ได้เห็นวิธีการที่จะได้แต่ละชิ้น ที่มีความละเอียดและประณีตจะต้องใช้ความอดทน และใส่ใจเป็นอย่างมาก นอกจากลูกปะเกือมแล้วก็จะมีเครื่องประดับอื่นๆอีก อาทิ สร้อย ต่างหู เข็มขัด กำไรข้อมือ แหวน ให้ได้เลือกซื้อเลือกหากันมากมาย

หลังจากเยี่ยมชมเครื่องเงินแสนละลานตาแล้วก็ออกเดินทางไปยัง  อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ เพื่อชมงานสืบสานตำนานพันปี ปราสาทศีขรภูมิ

ก่อนถึงปราสาทศีขรภูมิแวะชิมกาละแมสดศรีขรภูมิ ตราปราสาทเดียว ที่ทำสดใหม่ทุกวัน ซึ่งยังคงกรรมวิธีการผลิตแบบโบราณอยู่ โดยการห่อด้วยใบตอง รีดด้วยเตารีดแบบเตาถ่าน ใบต่อใบ  ไม่ใส่สารกันบูด เนื้อกาละแมเหนียวนุ่ม รสชาติ หอมหวาน กำลังดี  ได้กลิ่นใบตองที่รีดด้วยเตารีด เจ้าของร้านแนะนำเคล็ดลับการกินกาละแมให้อร่อย

ก่อนกินกาละแมให้ดมกลิ่นของใบตองที่ห่อกาละแมก่อน จะเพิ่มอรรถรสในการกินมากขึ้น สำหรับบรรจุภัณฑ์มีให้เลือกหลายแบบ  จากชื่อร้าน คือปราสาทเดียว  โลโก้เป็นปราสาทองค์กลาง  เป็นเอกลักษณ์เฉพาะศีขรภูมิ เหมาะสำหรับเอาไปเป็นของฝากก็ดี ซื้อไปทานเองก็ได้ นอกจากกาละแมสดแล้วภายในร้านยังมีมุม Café เล็กๆ บริการเครื่องดื่มให้ได้ลิ้มลองอีกด้วย เป็นอีกร้านที่มาศีขรภูมิต้องแวะ เจ้าของร้านออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง แวะมาได้เลย

เปิดบริการ  หรือโทรติดต่อสั่งซื้อที่เบอร์ 044-561-009  หรือทาง Facebook: กาละแมสดศีขรภูมิ (ตราปราสาทเดียว) www.facebook.com/kalamaesikhoraphum และยังมีบริการส่งทางไปรษณีย์ไปต่างจังหวัดอีกด้วย ใครได้ลิ้มลองรับรองต้องติดใจในรสชาติและความอร่อยแน่นอน

เดินทางต่ออีกนิดก็จะถึงปราสาทศีขรภูมิ สถานที่จัดงาน “สืบสานตำนานพันปี ปราสาทศีขรภูมิ” จัดขึ้น ณ บริเวณองค์ปราสาทศีขรภูมิ  ปราสาทศีขรภูมิ มีอีกชื่อหนึ่งว่า ปราสาทระแงง เป็นหนึ่งในปราสาทที่มีความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์แห่งหนึ่ง สถาปัตยกรรมแบบเขมร สันนิษฐานว่าสร้างราวพุทธศตวรรษที่ 17  เป็นศาสนสถานในลัทธิไศวนิกายครับ คือนับถือพระศิวะเป็นเทพสูงสุด ด้วยว่า มีทับหลังที่กล่าวกันว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย และมีภาพของนางอัปสรแบบเดียวกับนครวัต นครธม เพียงแห่งเดียวในประเทศไทยพบเพียงที่เดียวคือ ปราสาทศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ และเมื่อมาถึงต้องยลทับหลังที่ปรางค์ประธาน เป็นทับหลังที่มีความสวยงามและสมบูรณ์ที่สุดชิ้นหนึ่งของเมืองไทย เป็นภาพพระศิวะเต้นรำ (พระศิวะนาฏราชสิบกร) อยู่บนหงษ์ 3 ตัวเหนือหน้ากาล ภายใต้วงโค้งลายท่อนมาลัย ซึ่งสลักเป็นภาพพระคเณศ พระพรหม พระวิษณุ และพระอุมา เป็นศิลปะขอมสมัยนครวัด ราวศตวรรษที่ 17

ในตอนที่คณะเดินทางมาถึงเป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังตกดินพอดี ได้มีโอกาสได้เห็นแสงสุดท้ายของวันลอดผ่านช่องว่างระหว่างองค์ปราสาท กระทบสู่สายตาคนที่มารอชมการแสดงแสง สี แสงในค่ำคืนนี้ โอกาสแบบนี้ไม่ใช่ทุกครั้งที่มาจะได้ชมความงาม นับว่าเป็นความโชคดีที่ครั้งนี้ได้มาเห็น บรรยากาศระหว่างรอชมการแสดง ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามา ถ่ายรูปกับองค์ปราสาทที่ตอนนี้ถูกเนรมิตสร้างสีสันด้วยไฟหลากสี

และเข้ามานั่งเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ มีทั้งชาวจังหวัดสุรินทร์และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ  และเมื่อตะวันลับขอบฟ้าก็ได้เวลาชมการแสดง แสง สี เสียง ดนตรีเริ่มบรรเลงการแสดงชุดแรกจากน้องๆนักเรียนใน อำเภอศีขรภูมิ แสดงความน่ารักและความสามารถที่ฝึกฝนมาได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมอย่างล้นหลาม และมาถึงไฮไลท์สำคัญของงาน เป็นการแสดง แสง สี เสียง ชุด มหาศิวนาฏราช คีตศาสตร์เทวา ศรีศิขรินทราลัย  มีการแสดงรำอัปสรา  นางอัปสราร่ายรำได้อ่อนช้อยงดงามตามจังหวะดนตรีประกอบกับแสงสีเสียงและฉากหลังที่เห็นองค์ปราสาทจริงเป็นภาพที่งดงามและหาชมได้ยาก ต้องมาชมที่นี่ที่เดียว ปราสาทศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์

เช้าวันที่สามในจังหวัดสุรินทร์ วันนี้มีงานแสดงช้าง ประจำปี 2561 ณ สนามศรีณรงค์และสนามแสดงช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ วันแสดงจริง 2 วัน วันนี้เป็นวันแรก มีการจำหน่ายบัตรเข้าชมการแสดงราคา 1,000 , 500, 300 บาท บรรยากาศภายในงานมีคับคั่งไปด้วยผู้ชมชาวสุรินทร์ และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเข้าชมเป็นจำนานมาก สังเกตได้จากอัฒจรรย์ทั้ง 2 ด้าน มีผู้ชมนั่งเต็มทุกที่นั่ง

โดยการแสดงจะมีทั้งหมด 9 ฉาก หรือ 9 องค์ ที่กล่าวถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองสุรินทร์ ที่มีช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่อดีต การแสดงการคล้องช้างของชาวกวย กลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งของสุรินทร์  การแสดงกายกรรมช้าง ช้างแตะฟุตบอล ชักเย่อกับช้าง รำวงร่วมกับช้าง และปิดงานด้วยการแสดงศึกยุทธหัตถีระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับพระมหาอุปราชามังสามเกียด จบการแสดงได้รับเสียงปรบมือทั่วทั้งสนาม เรียกได้ว่าประดับใจมากกับความอลังการของฉากหลัง และการแสดงของคนและช้างยิ่งใหญ่สมกับเป็นงานช้างที่มีที่เดียวในโลก

หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จเรียบร้อยจุดหมายต่อไปคือ ไหมทองสะเร็น เป็นศูนย์การเรียนรู้วิธีชุมชนคนกับไหม ที่ให้ความรู้ตั้งแต่การเลือกใช้พันธุ์ไหม การสาวไหม หรือแม้กระทั่งการทอ และจัดแสดงอุปกรณ์การทอไหม ผ้าไหมโบราณและโรงเรียนสอนทอผ้าไหม  หากสนในซื้อผ้าไหม หรือชุดไหม ที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์โดยเน้นการใช้วัตถุดิบและแนวคิดจากท้องถิ่นมาพัฒนาและต่อยอดโดยมีชุมชนเป็นฐานการผลิต สร้างงานและรายได้ให้ชุมชน แวะมาเลือกซื้อกันได้ ถัดจากศูนย์มามีอาคารหลังเล็กๆเป็นร้าน Café สำหรับรองรับผู้มาเยี่ยมชม บริการเครื่องดื่มเย็นๆ  หากสนใจแวะไปอุดหนุน สามารถติดต่อได้ทาง  www.ruenmaii.com หรือโทร 044-511348 , 089-718654

ได้ความรู้เกี่ยวกับผ้าไหมแล้ว เดินทางต่ออีกไม่นานก็ถึงวนอุทยานแห่งชาติพนมสวาย  ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวจังหวัดสุรินทร์นับถือ วนอุทยานแห่งชาติพนมสวาย หรือเขาสวาย ตั้งอยู่ในพื้นที่ 2 ตำบลคือ ตำบลนาบัว ตำบลสวาย มีเนื้อที่ 1,975 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาสวายท้องที่ตำบลนาบัว อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ “พนมสวาย” เป็นคำภาษาพื้นที่เมืองสุรินทร์ “พนม” แปลว่าภูเขา “สวาย” แปลว่า “มะม่วง”

หลังจากผ่านซุ้มประตูทางเข้าของวนอุทยานพนมสวายมาก็จะเจอ ทางเข้าสถูปอัฐิหลวงปู่ดุลย์ อตุโล  มีซุ้มขายเครื่องดื่ม มีธูปเทียนดอกไม้ บริการที่นี่ ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือมีไม้สำหรับเคาะระฆัง เพื่อใช้เคาะระฆัง 1,080 ใบ ในวนอุทยานพนมสวาย ระฆังที่เราเห็นอยู่ที่ทางเข้าสถูป และสถานที่อื่นๆ ทั้งหมด จะมีลายสัญลักษณ์เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา

เมื่อเข้ามาด้านในแล้วก็นำธูปเทียนที่ทำบุญบูชามาจากด้านหน้าทางเข้าสถูปมาจุดสักการะหลวงปู่ดุลย์ เกจิอาจารย์ที่ได้รับความเคารพศรัทธาอย่างสูงสำหรับชาวสุรินทร์ และทั่วประเทศ ถัดจากสถูปอัฐิหลวงปู่ดุลย์ อตุโล ขับรถต่อมาอีกนิดจะเจอศาลาให้ได้พักผ่อน

มีบันไดทางขึ้นเขา เป็นจุดชมวิว และ พระพุทธสุรินทรมงคล พระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่เด่นสง่ามองเห็นได้แต่ไกล เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ศูนย์รวมจิตใจชาวเมืองสุรินทร์ เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางประทานพร หน้าตักกว้าง 15 เมตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามไว้ โดยสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือน มกราคม พ.ศ. 2520 ดำเนินการสร้างโดยพุทธสมาคมจังหวัดสุรินทร์

หลังจากไหว้พระขอพรอิ่มบุญการถ้วนหน้าแล้วก็ได้เวลากลับที่พัก ขากลับต้องแวะร้านของฝากติดไม้ติดมือกับกันสักหน่อย คือร้านกุนเชียง 5 ดาว เป็นร้านขายของฝากเจ้าแรกและเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดสุรินทร์ ผลิตภัณฑ์ตรา 5 ดาว จะมีหมูแก้ว สินค้าเลื่องชื่อที่ทางร้านเป็นผู้ผลิตและคิดชื่อเป็นเจ้าแรก กรอบ อร่อย ทานได้ทุกวัย หมูแผ่นทะเล หมูแผ่นม้วนแบบซูชิพันไส้กับสาหร่าย มีที่ร้าน 5 ดาวที่เดียว  กุนเชียงสองสหาย กุนเชียงผสมระหว่างไก่และหมู รสชาติอร่อย กลมกล่อมมาก  หมูเส้นทอง หมูทรองเครื่องยาจีน แล้วอบจนมีสีเหลืองสวย ร้านกุนเชียง 5 ดาว อยู่ที่ ถนนธนสาร ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เบอร์โทรร้าน 044-511775 , 086-3351175  ได้ของฝากแล้วก็เดินทางเข้าที่พัก

การเดินทางท่องเที่ยวในทริปนี้ ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ดีๆ อย่างมากได้เรียนรู้ ประวัติศาสตร์ อารยธรรม และวัฒนธรรมพื้นถิ่น รากเหง้าของชาวสุรินทร์ที่มีเสน่ห์เรื่องการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับช้าง การรักษาธรรมชาติ และการรักษาวิถีวัฒนธรรมดั้งเดิมให้คงอยู่อย่างไร…ให้ยั่งยืน

สำหรับใครที่สนใจทริปการเดินทางท่องเที่ยวสุรินทร์ในช่วงฤดูกาลต่าง ๆ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ /www.facebook.com/tatsurin หรือโทร. 044-514447-8

#โพสต์พาเที่ยว
#BikeTravel
#BikeFinder
#RideExplorer

=================

#เที่ยวเมืองไทยสวยทุกที่เท่ทุกเวลา
#Amazingไทยเท่
#AmazingThailand
#เมืองรองต้องลอง
#เที่ยวนอกกรอบ
#สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่

Loading Facebook Comments ...

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here